สื่อต่างประเทศยังรายงานว่า อิสราเอลโจมตีเป้าหมายในอิรัก และ ซีเรีย ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธที่อิหร่านให้การสนับสนุนนี่ถือเป็นการเปิดหน้าโจมตีกันโดยตรงระหว่างอิสราเอลและอิหร่านเป็นครั้งแรก หลังทั้งสองฝ่ายสู้กันอยู่ในเงาเป็นเวลานานหลายทศวรรษ
เมื่อช่วงเช้าวันที่ 19 เม.ย.ตามเวลาบ้านเรา สำนักข่าว CNN ของสหรัฐฯ รายงานโดยอ้างข้อมูลจากสำนักข่าว“ฟาร์ส"ของอิหร่านที่เปิดเผยว่า เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งใกล้ๆฐานทัพอากาศในเมืองอิสฟาฮาน ทางตอนกลางของอิหร่าน ซึ่งมีเครื่องบินขับไล่จอดอยู่
หลังมีรายงานเสียงระเบิด ทางการอิหร่านได้สั่งระงับเที่ยวบินทุกเที่ยวที่มีปลายทางมุ่งหน้ามายังกรุงเตหะราน อิสฟาฮาน และชิราซ แผนที่การบินของ Flightradar24 ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ติดตามเที่ยวบินทั่วโลก เผยให้เห็นว่า เครื่องบินของสายการบินต่างๆ ได้พยายามหลีกเลี่ยงเส้นทางการบินบริเวณประเทศซีเรีย อิรัก และอิหร่าน ขณะเดียวกัน อิหร่านได้เปิดใช้งานระบบป้องกันภัยทางอากาศในหลายจังหวัด เพื่อเตรียมพร้อมยิงสกัดขีปนาวุธ
สำหรับข้อมูลโจมตีเบื้องต้นเกี่ยวกับการโจมตี ทางการอิหร่านรายงานว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถยิงสกัดโดรนได้จำนวนสามลำ และเสียงระเบิดที่ได้ยินตามที่สื่อมวลชนรายงาน เป็นเสียงที่เกิดขึ้นหลังระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิหร่านโจมตีสกัดโดรนทั้ง 3 ลำ
ออสเซน ดาริเลียน โฆษกหน่วยงานอวกาศของอิหร่าน ได้โพสต์ข้อความผ่านบัญชีแอปพลิเคชัน X ระบุว่า อิสราเอลตอบโต้ปฏิบัติการของอิหร่านด้วยการส่งโดรนควอดคอปเตอร์ 3 เข้ามาโจมตี และโดรนทั้งสามลำถูกยิงตกแล้ว
ขณะที่สื่อของทางการอิหร่าน ได้รายงานเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาตามเวลาบ้านเรา โดยระบุว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์นาทันซ์ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอิสฮาฟาน ยังอยู่ในภาวะปลอดภัย
ด้านรัฐบาลอิสราเอลยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือยอมรับเกี่ยวกับข่าวการโจมตีที่เกิดขึ้น โดยข้อมูลความเคลื่อนไหวล่าสุดสำนักข่าว CNN ระบุว่า หลังมีรายงานการโจมตี โยอาฟ กัลแลนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอิสราเอล ได้ต่อสายตรงหารือร่วมกับลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ แต่ก็ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการสนทนาระหว่างทั้งคู่ออกมา
ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ ก็ได้ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ท่ามกลางกระแสความกังวลว่าสงครามจะลุกลามบานปลายกลายเป็นสงครามระดับภูมิภาค
โจนาธาน ลอร์ด นักวิจัยอาวุโสและผู้อำนวยการโครงการตะวันออกกลางของศูนย์สำหรับการศึกษาความมั่นคงใหม่อเมริกัน หรือ CNAS ให้ความเห็นว่า การโจมตีของอิสราเอลครั้งนี้ อาจเป็นการโจมตีแบบจำกัดเป้าหมาย เพื่อเตือนว่า อิสราเอลมีความสามารถในการโจมตีเป้าหมายที่อ่อนไหวในแผ่นดินอิหร่านได้
นอกจากนี้ นักวิจัยอาวุโสจาก CNAS ชี้ว่า สื่อของอิหร่านก็ไม่ได้มุ่งความสนใจไปที่การโจมตีที่เกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญญาณว่า อิหร่านอาจปล่อยผ่านการโจมตีนี้และเข้าสู่เส้นทางการยกระดับความขัดแย้งแทน
แม้จะไม่มีความเสียหายจากการโจมตีเกิดขึ้น แต่นี่คือการเปิดหน้าสู้รบกันโดยตรง หลังจาก 2 ฝ่าย ทำปฏิบัติการแบบ Operate Shadow war หรือ Proxy War มาเป็นเวลานานกว่า 4 ทศวรรษคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง
ในช่วงศตวรรษที่ 1960 อิสราเอลกับอิหร่านเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยอิหร่านเคยเป็นพันธมิตรที่เหนียวแน่นกับสหรัฐฯ เช่นเดียวกับอิสราเอลในเวลานั้นอิหร่านที่ปกครองโดยพระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์เลวี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะได้ประโยชน์จากแหล่งน้ำมันในอิหร่านแล้ว สหรัฐฯ ยังใช้อิหร่านเป็นแนวกันชน เพื่อไม่ให้สหภาพโซเวียตขยายอิทธิพลเข้าไปยังตะวันออกกลางในช่วงสงครามเย็นด้วย
จุดเปลี่ยนสำคัญมาถึงในปี 1979 เมื่อเกิดการปฏิวัติอิสลามเพื่อโค่นล้ม พระเจ้าชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์เลวี ถูกโค่นล้มจากอำนาจ อิหร่านเปลี่ยนการปกครองจากระบอบกษัตริย์มาเป็นรัฐอิสลาม โดยมีอยาตุลเลาะห์ อาลี โคมัยนี ขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศ
สถานะของสหรัฐฯ เปลี่ยนจากจากพันธมิตรเป็นศัตรู เพราะผู้นำสูงสุดคนใหม่ของอิหร่านมองว่า สหรัฐฯ คือพวกที่เข้ามาตักตวงผลประโยชน์ในประเทศ อิหร่านภายใต้การนำของโคมัยนี ประกาศสนับสนุนขบวนการปลดปล่อยปาเลสไตน์อย่างเปิดเผย รวมถึงประกาศไม่ยอมรับการมีอยู่ของรัฐอิสราเอลและประกาศลบอิสราเอลออกจากแผนที่โลก
จากนั้นมิตรอย่างอิสราเอลและอิหร่านจึงกลายเป็นศัตรูคู่แค้นกันมาตลอดอย่างไรก็ตาม ในช่วงกว่า 45 ปีที่ผ่านมา ทั้ง 2 ชาติไม่เคยเปิดหน้าต่อสู้กันโดยตรง แต่ใช้วิธีการลอบสังหารรวมถึงการใช้ตัวแทนทำสงครามแทนหรือที่เรียกว่า Proxy War
โดยตัวแทนที่อิหร่านใช้อย่างเช่น กลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ซึ่งมีฐานที่มั่นในเลบานอน กลุ่มฮามาสในฉนวนกาซา รวมถึงกบฎฮูตีซึ่งมีฐานที่มั่นในเยเมน
ทั้งสองฝ่ายทำสงครามในลักษณะนี้มาจนกระทั่งวันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมาโดยอิหร่านเปิดฉากโจมตีเข้าแผ่นดินอิสราเอลโดยตรงด้วยโดรนติดระเบิด และขีปนาวุธทั้งแบบวิถีโค้งและแบบร่อนกว่า 300 ลูกเข้าใส่อิสราเอล
อิหร่านให้เหตุผลในการโจมตีว่า เพื่อตอบโต้ที่อิสราเอลใช้ขีปนาวุธถล่มสถานกงสุลของอิหร่านในกรุงดามัสกัสของซีเรียเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ กว่าร้อยละ 99 ของอาวุธที่อิหร่านยิงเข้าไปที่อิสราเอล ถูกสกัดไว้โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของอิสราเอลที่วางไว้อย่างแน่นหนาถึง 3 ชั้น รวมไปถึงการช่วยสกัดด้วยขีปนาวุธของจอร์แดน เครื่องบินของสหราชอาณาจักร และจากกองเรือสหรัฐฯ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
นี่ถือเป็นห้วงเวลาที่อันตราย เพราะเป็นครั้งแรกที่อิหร่านและอิสราเอลเปิดหน้ารบกันโดยตรง ไม่ใช่การหยิบยืมมือตัวแทนหรือกลุ่มติดอาวุธให้ช่วยโจมตีเหมือนกับที่เคยทำมาในรอบกว่า 40 ปี
ศาสตราจารย์อูซี ราบี ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์โมเช ดายันเพื่อการศึกษาตะวันออกกลางและแอฟริกา มหาวิทยาลัยเทล อาวีฟ ระบุว่า การปะทะกันระหว่างอิสราเอลและอิหร่านในรอบนี้ ทำให้การทำสงครามเงาสิ้นสุดลง และเข้าสู่ยุคการต่อสู้แบบเปิดเผย ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
หลายฝ่ายมองว่าการเปิดหน้าทำสงครามระหว่างอิหร่านและอิสราเอล สะท้อนว่าระบบการป้องปรามในภูมิภาค ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายทศวรรษผ่านการทำสงครามตัวแทนกำลังถูกสั่นคลอน
นอกจากนี้ การเปิดหน้าโจมตีระหว่างทั้งสองฝ่าย ยังเกิดขึ้นในวันที่มีรายงานว่า อิหร่านเข้าใกล้จุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ และทางอิหร่านออกมาประกาศว่าจะทบทวนมาตรการนิวเคลียร์ของตนเอง
ผู้ที่ออกมาพูดเช่นนี้คือ พลจัตวาอาหมัด ฮักทาลับ ผู้บัญชาการด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ของกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยระบุว่า ถ้าอิสราเอลโจมตีโครงสร้างด้านนิวเคลียร์ของอิหร่าน อิหร่านจะทบทวนหลักการด้านนิวเคลียร์และอาจเปลี่ยนหลักการที่ยึดถืออยู่ในตอนนี้
แต่คำถามที่สำคัญคือ อิหร่านมีโรงไฟฟ้าหรือโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยนิวเคลียร์อยู่ที่ใดบ้าง ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าอิหร่านมีโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์อยู่ 12 แห่งทั่วประเทศ โดยจัดเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เตาปฏิกรณ์สำหรับการทำวิจัย มี 2 แห่ง อยู่ที่เมืองโบนาบ เมืองรัมซาร์ และกรุงเตหะราน เหมืองขุดเจาะยูเรเนียม มี 3 แห่ง
อยู่ที่เมืองซากันด์ ยาซด์ และกาชิน ศูนย์วิจัยนิวเคลียร์ของกองทัพ มี 1 แห่ง อยู่ที่เมืองพาร์ชินและศูนย์วิจัยนิวเคลียร์พลเรือน มี 5 แห่ง อยู่ที่เมืองอารัค ฟอร์โด นาทันซ์ อิสฟาฮาน และบูเชห์
ขณะที่หลายฝ่ายเชื่อว่า อิสราเอลก็มีอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน ถึงแม้จะไม่เคยประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็ตาม ศูนย์ควบคุมและไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ หรือ The Center for Arms Control and Non-Proliferation หน่วยงานไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐฯ ระบุว่า อิสราเอลครอบครองหัวรบนิวเคลียร์แบบพลูโตเนียมประมาณ 90 หัวรบ และผลิตพลูโทเนียมเพียงพอสำหรับผลิตอาวุธนิวเคลียร์ 100-200 หัวรบ
โดยเป้าหมายในการครอบครองนิวเคลียร์ของอิสราเอล เป็นไปเพื่อปกป้องการมีอยู่ของรัฐ มากกว่าการใช้เพื่อคุกคามชาติอื่น
นักวิจัยและนักวิเคราะห์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่า พลูโทเนียมสำหรับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิสราเอล ผลิตโดยเครื่องปฏิกรณ์ที่สร้างขึ้นจากความช่วยเหลือ-ของฝรั่งเศส
ล่าสุดเรื่องการมีอยู่ของอาวุธนิวเคลียร์ในแผ่นดินอิสราเอล ได้รับการตอกย้ำโดย พลจัตวาอาหมัด ฮักทาลับ ผู้บัญชาการด้านความมั่นคงนิวเคลียร์ของกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม (IRGC) ที่เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า ขณะนี้อิหร่านสามารถทราบพิกัดสถานที่ตั้งด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของอิสราเอล และมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ในมือครบถ้วนแล้ว
พลจัตวาฮักทาลับ ระบุว่า สถานที่ตั้งด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์เหล่านี้จะตกเป็นเป้าหมายของขีปนาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง หากอิสราเอลเลือกโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน เพื่อตอบโต้เหตุระดมยิงขีปนาวุธและโดรนนับร้อยถล่มอิสราเอลเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
แล้วโครงสร้างด้านนิวเคลียร์ของอิสราเอลอยู่ที่ใดบ้าง ข้อมูลล่าสุดที่มีการบันทึกไว้ คือ ข้อมูลเมื่อปี 2002 จาก Carnegie Endowment for International Peace สถาบันคลังสมองที่ไม่แสวงหาผลกำไรในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ของสหรัฐฯ
อิสราเอลมีโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับด้านนิวเคลียร์ประมาณ 8 แห่งตั้งแต่ทางเหนือจรดทางใต้ของประเทศ ได้แก่ เมืองไฮฟา เมืองไอลาบัน เมืองโยเดฟาต เมืองเรโฮวอต เมืองนาฮาล โซเรก เมืองโมชาฟ เซคาร์ยาเมืองเบียร์ชีบา และเมืองดีโมนา
ศูนย์ด้านนิวเคลียร์ของอิสราเอลที่สำคัญมีอยู่ 2 ศูนย์คือ ศูนย์ในเมืองเดโมนาและศูนย์ในเมืองโยเดฟาต โดยเมืองเดโมนาเป็นที่ตั้งของโครงการพัฒนานิวเคลียร์อิสราเอล และคาดว่าจะถูกใช้เป็นที่สกัดสารพลูโตเนียมสำหรับทำอาวุธนิวเคลียร์ ส่วนศูนย์ที่เมืองโยเดฟาต คาดว่าจะเป็นสถานที่ที่ใช้เก็บอาวุธและหัวรบนิวเคลียร์
อิสราเอลเปิดฉากโจมตีอิหร่านแล้วคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง! ล้างแค้นถูกโดรน-ขีปนาวุธถล่ม
คุณสมบัติ ครอบครัวอุปถัมภ์ผู้สูงอายุ รับ 3,000 บาท
สรุป 4 ทีมสุดท้ายพร้อมโปรแกรมยูโรป้า ลีก รอบรองชนะเลิศ