ค่าเงินบาทวันนี้ แข็งขึ้นหลุด 35 จากดอลลาร์อ่อน คาดเฟดลดดอกเบี้ยปีหน้า
ราคาทองคำวันนี้พุ่ง 200 บาท ต่างประเทศนิวไฮ 2,144 ดอลลาร์ รับสงครามเดือด
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาทองคำในประเทศวันนี้ (4 ธ.ค.66) ตลอดวันปรับ17ครั้ง ก่อนปิดตลาดเพิ่มขึ้นเหลือ 100 บาท โดยในต่างประเทศผันผวนพุ่งกว่า 70 ดอลลาร์ ทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนลดลงมาเท่ากับราคาปิดสัปดาห์ก่อนหน้า ขณะที่เงินบาทอ่อนลงเล็กน้อย
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 34,100.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 34,200.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 33,488.44 บาท/บาททองคำ และขายออก 34,700.00 บาท/บาททองคำ
ทองคำในประเทศ อ้างอิงตลาดสปอตที่ 2,067 ดอลลาร์/ออนซ์ และอิงค่าเงินบาท 34.97 บาท/ดอลลาร์
ทองคำต่างประเทศ ช่วงเช้าที่ผ่านมาเปิดตลาดพุ่งทะยานกว่า 3% ทำสถิติสูงสุดใหม่ ก่อนที่ในช่วงบ่ายจะถูกแรงเทขายกลับลงมาเท่าราคาปิดเมื่อสัปดาห์ก่อน
โดยทองคำสปอตไม่เปลี่ยนแปลง อยู่ที่ 2,071.9 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังช่วงเช้าพุ่งแตะ 2,144.64 ดอลาร์ต่อออนซ์ และทองคำฟิวเจอร์สหรัฐฯ ปรับขึ้น 0.15 % อยู่ที่ 2,092.9 ดอลลาร์ ซึ่งช่วงเช้าแตะขึ้นไปถึง 2,152.3 ดอลลลาร์
ทั้งนี้ทองคำได้แรงหนุนจากดอลลาร์ที่อ่อนค่า และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ หรือ บอนด์ยีลด์ ที่ปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางตลาดคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด จะจบรอบปรับขึ้นดอกเบี้ยปีนี้66 และปรับลดลงในปีหน้า 67 แต่ล่าสุดดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเล็กน้อย โดยดัชนีเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.08% ส่งผลให้ทองคำมีราคาแพงขึ้นสำหรับผู้ถือสกุลเงินอื่น ๆ
ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี ฟื้นตัวเพิ่มขึ้น 1.19%คำพูดจาก เว็บสล็อตแท้
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากสงครามระหว่างอิสราเอลและฮามาส ที่สถานการณ์เริ่มบานปลายขยายวงกล่าวออกนอกประเทศมากขึ้น
นักวิเคราะห์ชี้ระวังทองคำมีแรงเทขายหลังพุ่งนิวไฮ แนะไม่ควรไล่ราคา
นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (YLG) กล่าวว่า ราคาทองคำได้ไต่ขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ หลังจากที่สามารถยืนเหนือ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ได้ โดยเป็นการปรับขึ้นจากปัจจัยการผ่อนคลายความกังวลเรื่องนโยบายดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ได้ผ่านจุดสูงสุดของวงจรการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว หลังจากการประชุมเมื่อปลายเดือน พ.ย. เฟด มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ตามที่ตลาดคาดการณ์ และเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 11 ครั้ง นับตั้งแต่ที่เริ่มเข้าสู่นโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค. 2565 ด้วยเหตุนี้ทองคำจึงปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่อง จากการคาดการณ์ของตลาดที่คาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงต้นเดือนมีนาคม ทั้งนี้จากข้อมูลของ CME FedWatch Tool รายงานว่าล่าสุดพบการสำรวจของตลาดให้น้ำหนักมากกว่า 50% ไปในทิศทางว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าคาดการณ์ช่วงก่อนหน้า เป็นช่วงไตรมาสแรกของปี 2567 และในช่วงนั้นราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นอีกครั้ง
แม้หลังการพุ่งขึ้นไปทำราคาสูงเป็นประวัติการณ์แล้ว ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงมาบ้างจากแรงขายทำกำไร แต่ความต้องการซื้อทองคำยังแข็งแกร่ง ทำให้ทองคำยืนเหนือ 2,070 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งแสดงถึงสัญญาณที่ดี
อย่างไรก็ดีสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในทองคำช่วงนี้ วายแอลจีแนะนำ ไม่ควรไล่ราคาให้รอจังหวะที่ 2,070-2,050 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ โดยมีแนวต้านอยู่ที่ 2,120-2,144 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ซึ่งเป็นแนวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ต้องรอการทดสอบอีกครั้ง
ส่วนราคาทองคำในประเทศ ความบริสุทธิ์ 96.50% แนะนำโซนแนวรับ 34,200-33,850 บาทต่อบาททองคำ สำหรับแนวต้านมองที่โซน 35,000-35,400 บาทต่อบาททองคำ (คำนวณด้วยค่าเงินบาท 34.85 บาทต่อดอลลาร์ ณ วันที่ 4 ธ.ค. 2566 เวลา 10.00น.)
สพฐ.ประกาศวันหยุด 4 – 8 ธ.ค. เพื่อให้นักเรียนเตรียมสอบ TGAT – TPAT
เน็ตไอดอลสาวร้องคลินิกเผายาหน้าท้อง ทำไฟลุกท่วมตัว!
ม.แม่ฟ้าหลวง ร่อนแถลงการณ์ แจงปมยื่นฟ้อง “ดร.เค็ง”